ข่าวการศึกษา

เตือนภัย เปิดแอร์นอนในรถ อาจถึงตายโดยไม่รู้ตัว ทำไมถึงเกิดขึนได้มาดูสาเหตุที่แท้คืออะไร

การจอดรถแวะพักข้างทางแล้วเปิดแอร์นอนในรถ นี่เป็นวิธีพักสายตา คลายความอ่อนล้า ที่เสี่ยงทำเราเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ต้องอ่าน 

          เคย สังเกตกันบ้างไหมว่า เวลาที่รถติดไฟแดงเป็นเวลาหลายชั่วโมง ร่างกายเรามักจะเริ่มมีอาการปวดหัว และรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไรนัก ส่วนหนึ่งมาจากการที่เราได้รับคาร์บอนมอนอกไซด์โดยไม่รู้ตัว นี่ขนาดนั่งในรถเป็นเวลานาน ๆ นะ ยังทำให้เรารู้สึกแย่เลย แน่นอนทีเดียวว่า ถ้าหากเราติดเครื่องยนต์ เปิดแอร์นอนในรถละก็ อาจมีอันตรายถึงชีวิตโดยไม่รู้ตัว แต่เอ๊ะ ! ถ้ามีความจำเป็นที่ต้องนอนในรถยนต์จริง ๆ ล่ะ ควรจะทำอย่างไรดี กระปุกดอทคอมมีคำเฉลยมารออยู่ตรงนี้แล้ว 

          เปิดแอร์นอนในรถ เสี่ยงก๊าซพิษคร่าชีวิต 

          พล.ต.ต. นพ.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เผยว่า ผลชันสูตรศพของผู้ที่เสียชีวิตจากการนอนหลับในรถยนต์ส่วนใหญ่นั้นจะมีปริมาณ ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ในเลือดสูงมาก และเลือดเป็นสีชมพู ซึ่งเรียกว่า "เชอร์รีพิงค์" ทำให้สภาพศพของผู้ตายเป็นสีแดงชมพูทั้งตัว สาเหตุเพราะร่างกายมีปริมาณก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์มากเกินปกติ
           ทาง ด้าน นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้พูดถึงอันตรายของการเปิดแอร์นอนในรถ เอาไว้เช่นเดียวกันว่า การจอดพักรถริมข้างทาง แล้วเปิดแอร์นอนเพื่อพักผ่อนนั้น เป็นภัยร้ายใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม เพราะในขณะที่เราสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้งไว้ ปิดกระจกมิดชิด และเอนเบาะนอนนั้น เท่ากับเป็นการนอนดมก๊าซพิษในรถ โดย ที่ก๊าซพิษเหล่านั้นจะไหลเวียนมาจากระบบแอร์ของรถยนต์ ที่มีการดูดอากาศจากภายนอก มาหมุนเวียนภายในรถ และจะดูดเอาควันจากท่อไอเสียรถยนต์เข้ามาด้วย นั่นหมายความว่า ร่างกายจะสะสมทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณสูงขึ้น เรื่อย ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 

          จากข้อมูลของศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ ได้กล่าวถึงอันตรายของการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ขณะนอนเปิดแอร์ในรถเอา ไว้ว่า หากมีการสะสมก๊าซชนิดนี้ในร่างกายปริมาณมาก จะส่งผลให้ระดับฮีโมโกลบินในร่างกายของเราให้ลดต่ำลงด้วย เราจะเกิดอาการระคายเคือง ปวดศีรษะ เซื่องซึม เคลิบเคลิ้ม สั่นกระตุก หายใจติดขัด หัวใจเต้นผิดปกติ และมีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลางจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด

          นอก จากนี้แล้วก็ยังมีสาเหตุอื่น ๆ อีกด้วยเช่นกัน โดยนายจักรวาล บุญหวาน อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า โดยปกติแล้ว สาเหตุการเสียชีวิตในรถยนต์มี 2 สาเหตุหลัก คือ หนึ่งขาดอากาศหายใจแล้วเสียชีวิต และสองคือ ร่างกายเกิดภาวะฮีทสโตรก (Heat stroke) หรือโรคลมแดด เพราะร่างกายได้รับความร้อนเกินไป

สาเหตุแรกนั้นเกิดจากการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ ซึ่งโดยปกติแล้วห้องโดยสารรถยนต์จะมียางขอบประตู 2 ชั้น ป้องกันกลิ่นและเสียงเข้ามาในรถ ส่งผลให้ห้องโดยสารภายในถูกตัดขาดจากอากาศภายนอกโดยสิ้นเชิง จึงมีออกซิเจนในปริมาณที่จำกัด หากเราติดเครื่องยนต์นอนในรถยนต์โดยที่ไม่มีอากาศหมุนเวียนภายในเลย ปริมาณออกซิเจนก็จะยิ่งน้อยลงไปเรื่อย ๆ เนื่องจากกระบวนการสันดาปของเครื่องยนต์จะอาศัยออกซิเจนเป็นตัวเผาไหม้ เวลาดึงออกซิเจนไปใช้ในกระบวนการเผาไหม้แล้ว ออกซิเจนในรถยนต์ก็จะน้อยลงไปเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันกระบวนการเผาไหม้ก๊าซคาร์บอนจะปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ออกมา ทำให้คนที่นอนอยู่ในรถขาดอากาศหายใจ แล้วเสียชีวิตในเวลาต่อมา
    สำหรับสาเหตุที่สองนั้นเกิดจาก โรคลมแดด เป็นผลมาจากการนอนในรถที่จอดรถกลางแดดแรงจัด ร่างกายได้รับความร้อนสูง จากรังสีคลื่นยาวที่ถูกบล็อกไม่ให้สะท้อนกลับออกไป ทำให้ภายในห้องโดยสารมีความร้อนอบอวลอยู่สูงถึงประมาณ 800 วัตต์ต่อตารางเมตร โดยที่อากาศภายในรถยนต์จะมีอุณหภูมิสูงมากกว่าภายนอกถึง 20 องศาเซลเซียส แน่นอนว่า เราไม่สามารถทนความร้อนได้สูงขนาดนั้น เพราะอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะการขาดน้ำ โดยเฉพาะร่างกายของเด็กจะรับเอาไอความร้อนมากกว่าผู้ใหญ่ประมาณ 3-5 เท่า และสามารถเสียชีวิตภายในเวลา 30 นาที

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

  สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ, Thaipbs   


 อ่านเพิ่มเติม : http://health.kapook.com/view111138.html

 


News