About Tutourhouse
ติว คณิต วิทย์ อังกฤษ ภาษาไทย สังคม ด้วยระบบ PRIME model ทุกสาขา มีมาตราฐานทั้งหลักสูตรและรูปแบบการให้บริการ
ชีวิต วัยเด็กบ้านเราไม่ค่อยมีเงิน พ่อเราขับรถจักรยานยนตร์รับจ้าง แม่เราขายของเล็กๆน้อยๆหน้าบ้านและตามตลาดนัด มีบางช่วงที่ไม่มีทุนก็เป็นลูกจ้างตามร้านอาหาร เราอาศัยกันอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กๆ ตอนเด็กๆเราไม่มีญาติ เพราะพ่อกับแม่หนีมาด้วยกันตั้งแต่วัยรุ่นแล้วก็ตัดขาดกันไป
เราช่วยแม่ทำงานตั้งแต่จำความได้ เก็บล้าง เก็บชาม คิดเงิน เดินโพยหวย
ส่งของตามบ้าน เอาของมาเร่ขายตามถนน ขายเรียงเบอร์ เอาผ้าลูกไม้มาร้อย
สานที่ลวกก๋วยเตี๋ยวที่ลวกสุกี้ ปั๊มตราไก่ซองเอกสาร ฯลฯ
ทำทุกอย่างให้ได้เงิน แต่ถึงอย่างนั้นบ้านเราก็ไม่เคยมีเงินเก็บ
มีแต่หนี้สิน วันๆหาเงินมาได้ก็ต้องเอาไปจ่ายหนี้เก่า
วันไหนไม่มีเงินแล้วเค้ามาทวง เรากับน้องต้อง แกล้งทำเป็นไม่อยู่บ้าน
ทำตัวเงียบๆจนกว่าเจ้าหนี้จะไป
ส่วนใหญ่เรากลับจากรร.ถ้าไม่ได้รับของไปขายก็จะอยู่บ้านคนเดียว
บางครั้งก็อยู่กับน้องสาวที่ห่างกัน5ปี แม่สอนให้เราหุงข้าว ทำงานบ้าน
ให้พอช่วยเหลือตัวเองได้ เคยมีครั้งนึงที่เราทอดไข่แล้วมันไหม้ กระทะไฟลุก
ดีที่มีเพื่อนบ้านมาเห็น วันนั้นเราโดนตีแทบตาย
หลายครั้งที่เรากินข้าวคลุกกับซีอิ้ว เพราะแม่ไม่ได้ทิ้งเงินไว้ให้
แต่คิดๆไปมันก็อร่อยดีนะ
เราเรียนประถมที่รร.วัดใกล้บ้าน ซ้อนมอเตอร์ไซค์พ่อไปรับไปส่ง
เราเรียนได้ดี
แม่สอนเสมอว่าต้องเรียนให้เก่งๆโตมาจะได้ไม่ลำบากเหมือนพ่อเหมือนแม่
แม่เรียนน้อย อ่านหนังสือไม่ออก พอเรากลับจากรร.อยู่บ้านคนเดียว
แม่จะกำชับไม่ให้ออกไปไหน ต้องอ่านหนังสือ ทำการบ้าน
ถ้าเราทำตัวดีและแม่มีเงิน เราจะได้การ์ตูนมาเป็นเพื่อนคลายเหงา
ที่รร.พอสอบได้ที่1จะมีแจกเงินให้ ถ้าได้ที่1ของสายชั้นก็จะมีเงินเพิ่ม
ครั้งแรกที่ได้เราดีใจมาก เป็น100บาทที่เรามีความสุขมาก
กลับบ้านไปพ่อแม่ก็ชม
พอโตได้สักหน่อย เราช่วยแม่ขายของ
บางครั้งขายไม่หมดก็ออกเดินขายตามสี่แยกบ้าง เดินตามถนนบ้าง
คนเห็นก็ช่วยซื้อ เราทำเกือบทุกวันหลังเลิกเรียน ของขายหมดเราก็กลับบ้านไว
โดยส่วนใหญ่เรากลับสักสามทุ่มได้ มันเหนื่อยนะ เดินมากๆขาก็ปวด
แต่ต้องทำไม่งั้นจะไม่มีเงินไว้ใช้ ค่าอาหารเดือนเดือนละ150บาท
เรายังติดทางโรงเรียนไว้ตั้งหลายเดือนเลย
ถ้าโดนทวงเราก็จะอายเพราะฉะนั้นก็ต้องหาเงิน
จะรอขอพ่อแม่ก็มีโอกาสที่จะไม่มี พึ่งตัวเองนี่ละดีที่สุด
เสื้อผ้ารองเท้าหนังสือรองเท้านักเรียน เราไม่เคยมีของใหม่
พ่อกับเเม่จะไปขอข้างๆบ้านมาให้เรา
เราชอบการเรียน เรื่องเรียนเป็นสิ่งที่เราทำได้ดี เราสอบได้ที่1ทุกปีตอนประถม มี
ความสุขมากที่จะได้เงินส่วนตัวไว้ใช้ เป็นตัวแทนการแข่งขันโน่นนี้นั่น
ตอบปัญหา แข่งเลข เล่านิทาน ภาษาอังกฤษ สวดสรภัญญะ แข่งชนะก็ได้เงิน
อาจารย์ที่ร.ร.ก็จะมาติวให้ช่วงไปแข่ง เหมือนได้เรียนพิเศษแบบ Exclusive
มีแบบฝึกหัดเสริมมากมายโดยไม่ต้องซื้อเอง
ถ้าช่วงที่เราทำกิจกรรมของโรงเรียนเราไม่ต้องไปช่วยที่ร้านแม่
ไม่ต้องเดินขายของ ไม่ใช่ว่าเราไม่ชอบนะ
แต่แม่อยากให้เราไปแข่งได้ที่ดีๆมากกว่า ถ้าผ่านระดับกลุ่มโรงเรียน
ก็จะได้ไประดับจังหวัด
ถ้าผ่านถึงระดับภาคหรือระดับประเทศเราก็จะได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด
ได้นอนโรงแรมที่มีแอร์ มีรูปถ่ายสวยๆ ที่สำคัญคือได้เงิน
มีเงินมาใช้ส่วนตัว ซื้อหนังสือที่อยากได้ เราเสพติดและกระหายกับชัยชนะ
งานโรงเรียนทางวิชาการเราลงแข่งเกือบทุกอย่าง ยกเว้นคัดลายมือกับวาดรูป
ประกาศและโล่ที่ได้รวมๆกันสัก50-60ใบมั้งตอนประถม
เราสอบเข้ามัธยมในโรงเรียนหญิงล้วนแห่งนึง คนสอบมีพันกว่าคน เราได้ที่10ในนั้น เพื่อน
ที่โรงเรียนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง เพื่อนในกลุ่มพ่อแม่เป็นครู เป็นทหาร
เป็นหมอ เป็นวิศวกร เป็นข้าราชการ แน่นอนบ้านเราจนสุด
เรารับรู้ได้ถึงความแตกต่างของฐานะแม้เพื่อนคนอื่นจะไม่มีใครคิดก็เหอะ
เราเริ่มอายที่จะบอกว่าพ่อเราขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพื่อนมัธยมไม่เคยได้มาทำงานที่บ้านซ่อมซ่อของเราเรา
กลับบ้านเร็วตลอดเพราะต้องมาขายของที่ตลาดนัด กว่าจะกลับก็ดึก
ค่าเทอมกับเงินไปโรงเรียนส่วนใหญ่เราหาเองใช้เอง
เราไปสายประจำเพราะมันเหนื่อยมันล้ามาก เราเรียนได้3.6-3.8 เรา
ไม่ได้เป็นที่1อีกต่อไปเมื่อมาอยู่รร.ที่ใหญ่ขึ้น บางครั้งมันก็ท้อ
ในขณะที่เพื่อนๆได้ไปเรียนพิเศษ แต่เรากลับต้องมาทำงานหาเงินงกๆ
เราไม่เคยได้ไปเที่ยวนอกจากทัศนศึกษากับเพื่อนเลยสักครั้ง
ต้องหาข้ออ้างมากมาย เช่นพ่อแม่หวง เป็นห่วงไม่ให้ออกจากบ้าน
ทั้งที่ที่จริงพ่อแม่เราปล่อยมาก อยากทำอะไรก็ทำ อยากไปไหนก็ไป
อยากกินไรก็กิน ตราบใดที่ไม่ได้ขอเงินพ่อกับแม่น่ะนะ
เราเรียนสายวิทย์เพราะเรายังไม่รู้ว่าอยากทำงานอะไรกันแน่ ช่วงสอบเราลงทั้งพื้นฐานวิศวะ วัดแววความเป็นครู เราทำคะแนน ไทย สังคม ได้ดีมาก น่าจะอยู่อันดับท็อปๆประเทศ ฟิสิกส์ได้เกิน90 พื้นฐานวิศวะได้สัก70มั้ง ชีวะได้เกินขั้นต่ำมานิดหน่อย สมัยเราสอบ2ครั้ง เรามาดูว่าคะแนนเราน่าจะถึงคณะแพทย์ ก็เลยลงไว้สามอันดับแรก บอกตรงๆว่าเราไม่รู้หรอกกว่าเราชอบหรือเปล่า แต่เรารู้ว่าทางบ้านจะดีใจถ้าเราเป็นหมอ และเราคิดว่าถ้าถึงขนาดสอบได้แล้วก็น่าจะเรียนได้ ปรากฎว่าเราติดคณะแพทย์ที่มหาวิทยาลัยที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง เราดีใจมาก แต่ก็กังวลใจมากเหมือนกัน ไม่รู้ว่าที่บ้านจะมีคนส่งเงินให้หรือเปล่า เราจะหาเงินยังไงถ้าเราอยู่ไกลๆ เราคิดถึงบ้าน เราไม่เคยจากบ้านไปไหนไกลเลยเทอมเเรกของการเรียน เเม่เราต้องไปขอยืมเงินจากญาติที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานมาจ่ายค่าเทอมให้เรา โดนปฏิเสธใส่หน้าก็มีแต่เราก็เข้าใจนะว่าบ้านเราเครดิตไม่ดี เพื่อนส่วนใหญ่เป็นเด็กพื้นที่จากโค้วต้า/เรียนดี ส่วนกลางมีจำนวนน้อย เพื่อนที่รับน้องกรุงเทพส่วนใหญ่ไปรายงานตัวด้วยเครื่องบิน ส่วนเรากับพ่อนั่งรถไฟชั้นสองไปรายงานตัว 18 ชมของรถไฟไทยมันเมื่อยมาก
เด็กคณะเเพทย์โดยส่วนใหญ่บ้านจะค่อนข้างมีเงิน เราไม่มีเพื่อนจากโรงเรียนเก่าไป การหาเพื่อนใหม่เป็นเรื่องยาก เราไม่สามารถไปเที่ยวกับเพื่อนได้เพราะเราไม่มีเงิน เเค่นั่งกินร้านนมหน้ามอเรายังไม่อยากไปเลย ดีที่อยู่ในจังหวัดที่ค่าครองชีพถูก ค่าเรียนก็ถูก ใครว่าเรียนคณะแพทย์ต้องมีเงินมันไม่จริงเสมอไปนะ ค่าธรรมเนียมเรียนในแต่ละปีเสียไม่เกิน20,000 ค่าหอเทอมละ3,000รวมน้ำไฟ บังคับอยู่หอทุกคนตอนปีหนึ่ง ค่าข้าวที่โรงอาหารกลาง จานละ12-15บาท(สมัยเรานะ) น้ำ5บาท ช่วงก่อนกยศ.ออกเราได้เงินจากที่บ้านเดือนละสองพัน ซึ่งส่วนใหญ่จะได้ไม่ครบ กินเเต่ข้าวใต้หอกับโรงอาหาร
ข้อดีของการเรียนคณะเเพทย์ที่เราคือการรับน้อง คือมันดีมาก!! ข้าวฟรีทุกเย็น วันเฟรชชี่ไนท์ก็จะมีพี่เอาขนมมาให้เยอะเเยะหอบสองมือไม่หมด เวลาเข้าห้องเชียร์ก็จะมีข้าวห่อๆให้ เราไม่เคยโดดซ้อมเชียร์เลย ช่วยประหยัดเราได้เยอะเลย พี่แต่ละปีก็จะพาไปเลี้ยงบ่อย ช่วงไหนไม่มีเงินก็เอาขนมที่พี่ให้มาเป็นเสบียงยามยาก กินเเทนข้าว ปีหนึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่ต้องใช้เงินซื้อtextbookเยอะ 2,000นี่คือเราอยู่รอดสบายๆเลยนะ
อ่านเพิ่มเติม http://www.unigang.com/Article/29036
Credit http://pantip.com/topic/34210529